วันพุธที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552

Bios คืออะไร

Bios (ไบออส) คือ ระบบพื้นฐานที่ใช้ในการควบคุมระบบ input output ของคอมพิวเตอร์ หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Basic Input Output System เมื่อนำตัวอักษรข้างหน้ามาวางต่อกันแล้ว ก็จะได้คำว่า BIOS นั้นเองครับ
Bios (ไบออส) นั้นมีความสำคัญกับระบบคอมพิวเตอร์อย่างมาก เรียกได้ว่าไม่มีไม่ได้ เพราะเมื่อเรากดปุ่มเปิดเครื่อง ระบบก็จะเริ่มต้นที่ Bios (ไบออส) โดยโครงสร้างหลักๆ ของเจ้า BIOS (ไบออส) นั้นมีส่วนประกอบหลักๆ อยู่สองอย่างคือ…

1.ตัวโปรแกรมของไบออส จะถูกเก็บไว้ในหน่วยความจำแบบ ROM เพราะจำได้นานไม่มีลืมเหมือนกับ RAM ทำให้เราสามารถเรียกใช้เจ้า BIOS ได้ทันทีเมื่อเปิดเครื่อง แต่เราไม่สามารถเขียนข้อมูลลงไปใน ROM ได้
2.ส่วนตัวข้อมูลจะถูกเก็บไว้ที่ CMOS RAM เป็นหน่วยความจำชนิดหนึ่งที่สามารถเชขียนไฟล์ทับได้ คล้ายกับ RAM แต่ต้องใช้ไฟเลี้ยง ถ้าไม่มีไฟ ระบบจะลืมช้อมูลทันที โดยไฟที่ว่านี้มาจากก้อนแบตเตอรี่เล็กติดอยู่บนเมนบอร์ด ถ้าแบตเตอรี่นี้หมด เครื่องก็จะมีปัญหา


ในโปรแกรม BIOS มีหน้าจอให้เรากำหนดค่าต่างๆ เพื่อใช้กำหนดค่าเริ่มต้นของคอมพิวเตอร์เรา เช่นให้บูตระบบจากซีดีรอมก่อนหรือจากฮาร์ดดิสก่อน กำหนดวันเวลา เป็นต้น นอกจากหน้าที่แม่บ้านแล้ว BIOS ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่มีความสำคัญอีกเช่น กำหนดการทำงานของซีพียู เป็นตัวเชื่อมและสนับสนุนการทำงานพื้นฐานของซอฟท์แวร์ที่เราติดตั้ง

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

สแกนเนอร์คืออะไร





สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์ซึ่งจับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพจากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอลซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ สามารถใช้สแกนเนอร์ทำงานต่างๆได้ดังนี้
- ในงานเกี่ยวกับงานศิลปะหรือภาพถ่ายในเอกสาร
- บันทึกข้อมูลลงในเวิร์ดโปรเซสเซอร์
- แฟ็กเอกสาร ภายใต้ดาต้าเบส และ เวิร์ดโปรเซสเซอร์
- เพิ่มเติมภาพและจินตนาการต่าง ๆ ลงไปในผลิตภัณฑ์สื่อโฆษณาต่าง ๆ
โดยพื้นฐานการทำงานของสแกนเนอร์, ชนิดของสแกนเนอร์ และความสามารถในการทำงานของสแกนแบ่งออกได้ดังต่อไปนี้
ชนิดของเครื่องสแกนเนอร์
สแกนเนอร์สามารถจัดแบ่งตามลักษณะทั่วๆ ไป ได้ 2 ชนิด คือ Flatbed scanners, ซึ่งใช้สแกนภาพถ่ายหรือภาพพิมพ์ต่าง ๆ สแกนเนอร์ ชนิดนี้มีพื้นผิวแก้วบนโลหะที่เป็นตัวสแกน เช่น ScanMaker III Transparency and slide scanners, ซึ่งถูกใช้สแกนโลหะโปร่ง เช่น ฟิล์มและ สไลด์
การทำงานของสแกนเนอร์
การจับภาพของสแกนเนอร์ ทำโดยฉายแสงบนเอกสารที่จะสแกน แสงจะผ่านกลับไปมาและภาพ จะถูกจับโดยเซลล์ที่ไวต่อแสง เรียกว่า charge-couple device หรือ CCD ซึ่งโดยปกติพื้นที่มืดบน กระดาษจะสะท้อนแสงได้น้อยและพื้นที่ที่สว่างบนกระดาษจะสะท้อนแสงได้มากกว่า CCD จะสืบหาปริมาณแสงที่สะท้อนกลับ จากแต่ละพื้นที่ของภาพนั้น และเปลี่ยนคลื่นของแสงที่สะท้อน กลับมาเป็นข้อมูลดิจิตอล หลังจากนั้นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับการสแกนภาพก็จะแปลงเอาสัญญาณเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพ บนคอมพิวเตอร์อีกทีหนึ่ง
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการสแกนภาพมีดังนี้
- สแกนเนอร์
- สาย SCSI สำหรับต่อจากสแกนเนอร์ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์
- ซอฟต์แวร์สำหรับการสแกนภาพ ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของสแกนเนอร์ให้ สแกนภาพตามที่กำหนด
- สแกนเอกสารเก็บไว้เป็นไฟล์ที่นำกลับมาแก้ไขได้อาจต้องมีซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนด้าน OCR
- จอภาพที่เหมาะสมสำหรับการแสดงภาพที่สแกนมาจากสแกนเนอร์
- เครื่องมือสำหรับแสดงพิมพ์ภาพที่สแกน เช่น เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์หรือสไลด์โปรเจคเตอร์
ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้
1. ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล น้อยที่สุดและ นำมาใช้ประโยชน์อะไรไ่ม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกนภาพน้อยที่สุด Single-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ - Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดำ ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากการสเก็ต
- Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single-bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ
2. ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดำ โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นรายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิมภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจประกอบด้วยจำนวนบิตมากกว่า ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น
3. ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจำนวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร
4. ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารโดยไม่ต้อง พิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์สแกนเอกสาร ดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอก จากนี้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุน OCR (Optical Characters Reconize) มาแปลงแฟ้มภาพเป็น เอกสารดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้

IRQ คืออะไร

IRQ คือ Interrupt Request

ซึ่งอุปกรณ์ในระบบแต่ละตัวจะใช้แต่ละ IRQ กัน อุปกรณ์ในระบบจะแยกใช้คนละ IRQ กัน แต่อุปกรณ์ที่ใช้กับ Slot PCI จะสามารถใช้ IRQ ร่วมกันได้ อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถสื่อสารกับซีพียูโดยใช้ IRQ ในการร้องขอการบริการของซีพียูในการส่งข้อมูลหรือความผิดพลาดที่ตรวจพบ เมื่อซีพียูได้รับสัญญาณ Interrupt จะอยู่ในสถานะ Halt เพื่อรอการทำคำสั่งในการบริการตามลำดับความสำคัญ ในทุกระบบจะประกอบไปด้วย 2 ชิพเซ็ทและ 16 IRQ ในแต่ละ IRQ จะกำหนดไว้ใช้กับแต่ละอุปกรณ์ ดังนั้นจำนวน IRQ จึงมีจำกัด ถ้าคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยอุปกรณ์จำนวนมากทำให้จำนวน IRQไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหา Conflict และอุปกรณ์นั้นจึงไม่สามารถใช้งานได้

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

สาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องคอมฯมีปัญหา



เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ ไฟฟ้าที่แตกต่างไปจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดอื่นๆ คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นเมื่อป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจะสามารถทำงานได้ทันที ด้วยตัวของมันเองแล้วแต่หน้าที่หรือลักษณะการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้นๆ แต่คอมพิวเตอร์ นอกจากจะประกอบด้วยชิ้นส่วนต่างๆภายใน (HARDWARE) จำพวกแผงวงจร อิเลคโทรนิคส์ที่บอบบางและสลับซับซ้อน แล้ว ในการทำงานของอุปกรณ์แต่ละชิ้น จะทำงานได้ด้วยโปรแกรมควบคุม (DRIVER)
อุปกรณ์ ทุกชนิดที่ประกอบเข้าด้วยกันทั้งภายในและภายนอกเครื่อง แม้จะเอามาต่อกันอย่างถูก ต้องก็ไม่สามารถทำงาน ได้เลย ถ้าขาดโปรแกรมที่ควบคุม การทำงานของอุปกรณ์ แต่ละชิ้น ซึ่งโปรแกรมที่ควบคุมอุปกรณ์แต่ละชิ้นเหล่านี้ สร้างขึ้นมาจากบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วน และได้ติดตั้งลงในเครื่องโดยช่างเทคนิค ผู้ประกอบชิ้นส่วน พร้อมทั้งปรับแต่งการทำงานของโปรแกรม อย่างเหมาะสม ถ้าหากมีส่วนหนึ่งส่วนใดของตัวโปรแกรมเหล่านี้ถูกดัดแปลงแก้ไข หรือ ลบออกจากเครื่อง ก็จะทำให้การทำงานของเครื่องผิดปกติ จนกระทั้งบางครั้งไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย
นอกจากโปรแกรมที่ควบคุมการทำงานของชิ้นส่วน ต่างๆแล้ว ในเครื่องยังประกอบด้วยโปรแกรมสำหรับการใช้งานอย่างอื่นอีกมากมาย (SOFTWARE) แล้วแต่ ผู้ประกอบจะติดตั้งลงไป เช่น
โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ( WINDOWS 95, WINDOWS98, WINDOWS ME)
โปรแกรม Microsoft. WORDS สำหรับพิมพ์เอกสาร
โปรแกรม POWER DVDสำหรับดูหนัง
โปรแกรม WINAMP. สำหรับฟังเพลง
โปรแกรมเล่นคาราโอเกะ และอีกหลายๆ โปรแกรมแล้วแต่ลักษณะการใช้งานในแต่ละเครื่อง
ซึ่งการใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์จำเป็นจะต้อง เรียนรู้การใช้งานที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย
การรับประกันเครื่องคอมพิวเตอร์ บริษัทผู้ประกอบ จะรับประกันเฉพาะ ชิ้นส่วนและตัวเครื่องเท่านั้น ไม่ว่าคอมพิวเตอร์ เหล่านั้นจะผลิตมาจากบริษัทไหนก็ตาม เนื่องจากตัวโปแกรม พร้อมที่จะเสียหายได้ตลอดเวลา จากการใช้งานของผู้ใช้ ที่ไม่ชำนาญ หรือรู้เท่าไม่ถึงการ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะส่งผลให้ โปแกรมหยุดการทำงานได้ทันที ทั้งที่อุปกรณ์ทุกชิ้น อยู่ในสภาพปกติ เราเรียกว่าการมีปัญหาที่ระบบหรือตัวโปรแกรม ชิ้นส่วนที่เป็นส่วนประกอบภายใน จะมีความคงทน ต่อการใช้งานปกติ และมีอายุการใช้งานได้นาน นับสิบปี ถ้าผู้ใช้มีความรู้และใช้งานอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ดีการรับประกันคุณภาพของบริษัทเป็นเพียงการรับประกันความบกพร่องจากการผลิตเท่านั้น
ข้ อ ค ว ร ป ฏิ บั ติ

การเปิดเครื่องหลังจากกดปุ่ม Power แล้ว เครื่องจะทำการเรียกระบบปฏิบัติการ ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาทีจึงจะเข้าหน้าจอ WINDOWS. และต้องรอจนกระทั่งสัญลักษณ์ นาฬิกาทรายหมดไป ระหว่างนี้ ห้าม ปิดสวิทช์เครื่อง หรือ กดปุ่มใดๆ บน คีย์บอร์ด
ไม่ควร ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยการปิดสวิทช์เครื่องเป็นอันขาด การปิดเครื่องต้องใช้ คำสั่ง CHUTDOWN. เท่านั้น
เครื่องคอมพิวเตอร์ มีอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อน และไว ต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้า แม้เพียงเล็กน้อย เครื่องสำรองไฟ (UPS) ช่วยปรับกระแสไฟฟ้าได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ในพื้นที่ที่มีกระแสไฟ ตก หรือไฟเกิน มากๆ อาจจะทำให้เครื่องมีปัญหาในการใช้งาน ควรติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นตัวช่วย
การสำรองไฟ ของ เครื่องสำรองไฟ (UPS.) สำรองไว้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เพื่อ การปิดเครื่องอย่างถูกต้องในกรณีไฟฟ้าดับ หรือไฟตก ควร ปิดเครื่องทันทีเมื่อมีสัญญานเตือน ของ UPS.ดังขึ้น แสดงว่าไฟตก
ขณะ ฝนตกฟ้าร้อง ไม่ควรใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ ควรจะถอดปลั๊กออก
ด้านหลังเครื่อง ควรต่อกราวด์ โดยใช้สายไฟ ต่อจากส่วนที่เป็นโลหะ เช่น หัวน๊อต หลังเครื่อง และปลายอีกด้านฝังลงสู่พื้นดิน จะช่วยลดปัญหาจุกจิก ของคอมพิวเตอร์ได้ มาก
ปลั๊กไฟ ของคอมพิวเตอร์ ไม่ควรใช้ร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่น จะทำให้กระไฟที่ได้ ไม่ปกติ(กระแสไม่พอ) และมีปัญหากับระบบการทำงานของเครื่อง
หากมีปัญหาเกี่ยวกับเครื่อง หรือโปรแกรม หากท่านไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอ ไม่ควรแก้ไขด้วยตัวเอง ไม่ควรเปิดฝาเครื่อง ให้ติดต่อช่างเท่านั้น กรณีเครื่องอยู่ในระยะประกัน การเปิดฝาเพื่อแก้ไขเครื่อง จะมีผลให้ประกันสิ้นสุดได้
สำคัญที่สุด เมื่อท่านได้เป็นเจ้าของคอมพิวเตอร์ ควรจะต้องศึกษาถึงวิธีใช้และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง รวมถึงการใช้งานโปรแกรมต่างๆ ผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์ ไม่อาจจะรับผิดชอบในส่วนนี้ เช่นเดียว กับท่านซื้อรถยนต์ ท่านต้องขับให้เป็นและเรียนรู้กฏจราจร ด้วยตัวท่านเองและดูแลรักษาเอง ปัญหาที่เกิดจากการขับรถไม่เป็น ดูแลไม่เป็น ผู้จำหน่ายรถไม่อาจจะรับผิดชอบท่านได้

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

ไวรัสคอมพิวเตอร์

อาการของเครื่องที่ติดไวรัส

สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเ้ข้าไปติดอยู่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้น ได้แก่

ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อยๆ
เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกรมที่ใช้อยู่
แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ๆ ก็หายไป
เครื่องทำงานช้าลง
เครื่องบูตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
เซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยมีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่
ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย

การตรวจหาไวรัส
การสแกน

โปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใช้ิวิธีการสแกน (Scanning) เรียกว่า สแกนเนอร์ (Scanner) โดยจะมีการดึงเอาโปรแกรมบางส่วนของตัวไวรัสมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูล ส่วนที่ดึงมานั้นเราเรียกว่า ไวรัสซิกเนเจอร์ (VirusSignature) และเมื่อสแกนเนอร์ถูกเรียกขึ้นมาทำงานก็จะเข้าตรวจหาไวรัสในหน่วยความทรงจำ บูตเซกเตอร์และไฟล์โดยใช้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่มีอยู่

ข้อดีของวิธีการนี้ก็คือ เราสามารถตรวจสอบซอฟต์แวร์ที่มาใหม่ได้ทันทีเลยว่าติดไวรัสหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสถูกเรียกขึ้นมาทำงานตั้งแต่เริ่มแรก
แต่วิธีนี้มีจุดอ่อนหลายข้อ คือ

1. ฐานข้อมูลที่เก็บไวรัสซิกเนเจอร์จะต้องทันสมัยอยู่เสมอ และครอบคลุมไวรัสทุกตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
2. เพราะสแกนเนอร์จะไม่สามารถตรวจจับไวรัสที่ยังไม่มีซิกเนเจอร์ของไวรัสนั้นเก็บอยู่ในฐานข้อมูลได้
3. ยากที่จะตรวจจับไวรัสประเภทโพลีมอร์ฟิก เนื่องจากไวรัสประเภทนี้เปลี่ยนแปลงตัวเองได้
4. จึงทำให้ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้สามารถนำมาตรวจสอบได้ก่อนที่ไวรัสจะ้เปลี่ยนตัวเองเท่านั้น
5. ถ้ามีไวรัสประเภทสทีลต์ไวรัส ติดอยู่ในเครื่องตัวสแกนเนอร์อาจจะไม่สามารถตรวจหาไวรัสนี้ได้
6. ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความฉลาดและเทคนิคที่ใช้ของตัวไวรัสและของตัวสแกนเนอร์เองว่าใครเก่งกว่า
7. เนื่องจากไวรัสมีตัวใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอๆ ผู้ใช้จึงจำเป็นต้องหาสแกนเนอร์ตัวที่ใหม่ที่สุดมาใช้
8. มีไวรัสบางตัวจะเข้าไปติดในโปรแกรมทันทีที่โปรแกรมนั้นถูกอ่าน และถ้าสมมติ
9. ว่าสแกนเนอร์ที่ใช้ไม่สามารถตรวจจับได้ และถ้าเครื่องมีไวรัสนี้ติดอยู่ เมื่อมีการ
10. เรียกสแกนเนอร์ขึ้นมาทำงาน สแกนเนอร์จะเข้าไปอ่านโปรแกรมทีละโปรแกรมเพื่อตรวจสอบ
11. ผลก็คือจะทำให้ไวรัสตัวนี้เข้าไปติดอยู่ในโปรแกรมทุกตัวที่ถูกสแกนเนอร์นั้นอ่านได้
12. สแกนเนอร์รายงานผิดพลาดได้ คือ ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้บังเอิญไปตรงกับที่มี
13. อยู่ในโปรแกรมธรรมดาที่ไม่ได้ติดไวรัส ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในกรณีที่ไวรัสซิกเนเจอร์ที่ใช้มีขนาดสั้นไป
14. จะทำให้โปรแกรมดังกล่าวใช้งานไม่ได้อีกต่อไป

คำแนะนำและการป้องกันไวรัส

สำรองไฟล์ข้อมูลที่สำคัญ
สำหรับเครื่องที่มีฮาร์ดดิสก์ อย่าเรียกดอสจากฟลอปปีดิสก์
ป้องกันการเขียนให้กับฟลอปปีดิสก์
อย่าเรียกโปรแกรมที่ติดมากับดิสก์อื่น
เสาะหาโปรแกรมตรวจหาไวรัสที่ใหม่และมากกว่าหนึ่งโปรแกรมจากคน ละบริษัท
เรียกใช้โปรแกรมตรวจหาไวรัสเป็นช่วงๆ
เรียกใช้โปรแกรมตรวจจับไวรัสแบบเฝ้าดูทุกครั้ง
เลือกคัดลอกซอฟแวร์เฉพาะที่ถูกตรวจสอบแล้วในบีบีเอส
สำรองข้อมูลที่สำคัญของฮาร์ดิสก์ไปเก็บในฟลอปปีดิสก์
เตรียมฟลอปปีดิสก์ที่ไว้สำหรับให้เรียกดอสก์ขึ้นมาทำงานได้
เืมื่อเครื่องติดไวรัส ให้พยายามหาที่มาของไวรัสนั้น

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต

อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนชุมชนเมืองแห่งใหม่ของโลก เป็นชุมชนของคนทั่วมุมโลก จึงมีบริการต่างๆเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลาในที่นี้จะกล่าวถึงประโยชน์ของอินเตอร์เน็ตหลักๆดังนี้
1.ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์(Electronic mail=E-mail) ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail
เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ ซึ่งเป็นที่อยู่ในรูปแบบของอีเมล์ เมื่อผู้ส่งเขียนจดหมาย1ฉบับ แล้วส่งไปยังที่อยู่นั้น ผู้รับจะได้รับจดหมายภายในเวลาไม่กี่วินาที แม้จะอยู่ห่างกันคนละซีกโลกก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถส่งแฟ้มข้อมูลหรือไฟล์แนบไปกับอีเมล์ได้ด้วย
2.กรขอเข้าระบบจากระยะไกลหรือเทลเน็ต(Telnet)
เป็นบริการอินเน็ตรูปแบบหนึ่งโดยที่เราสามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกลๆได้ด้วยตนเอง เช่น ถ้าเราอยู่ที่โรงเรียนทำงานโดยใช้อินเตอร์เน็ตของโรงเรียนแล้วกลับไปที่บ้าน เรามีคอมพิวเตอร์ที่บ้านและต่ออินเตอร์เน็ตไว้เราสามารถเรียกข้อมูลจากที่โรงเรียนมาทำที่บ้านได้ เสมือนกับเราทำงานที่โรงเรียนนั่นเอง
3.การโอนถ่ายข้อมูล(File Transfer Protocol
หรือ FTP) เป็นบริการอีกรูปแบบหนึ่งของระบบอินเตอร์เน็ต เราสามารถค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง
4.การสืบค้นข้อมูล(Gopher,Archie,World wide Web) หมายถึง การใช้เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมายแล้วช่วยจัดเรียงข้อมูลข่าวสารหัวข้ออย่างมีระบบ เป็นเมนู ทำให้เราหาข็อมูลได้ง่ายหรือสะดวกมากขึ้น
5.การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น(Usenet)
เป็นการให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเตอร์เน็ตทั่วโลกสามารถพบปะกัน แสดงความคิดเห็นของตน โดยมีการจัดการผู้ใช้เป็นกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเป็นหัวข้อต่างๆ เช่น เรื่องหนังสือ เรื่องการเลี้ยงสัตว์ ต้นไม้ คอมพิวเตอร์และการเมือง เป็นต้น ปัจจุบันมี Usenet มากกว่า15,000 กลุ่ม นับเป็นเวทีขนาดใหญ่ให้ทุกคนจากทั่วมุมโลกแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
6.การสื่อสารด้วยข้อความ(Chat,IRC-Internet Relay chat)
เป็นการพูดคุยกันระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ไดัรับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แต่ละคนก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมาได้ในเวลาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม
7.การซื้อขายสินค้าและบริการ(E-Commerce = Eletronic Commerce)
เป็นการจับจ่ายซื้อ - สินค้าและบริการ เช่น ขายหนังสือ คอมพิวเตอร์ การท่องเที่ยว เป็นต้น ปัจจุบันมีบริษัทใช้อินเตอร์เน็ตในการทำธุรกิจและให้บริการลูกค้าตลอด24ชั่วโมง ในปี2540 การค้าขายบนอินเตอร์เน็ตมีมูลค่าสูงถึง1แสนล้านบาท และจะเพิ่มเป็น1ล้านล้านบาทในอีก5ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจแบบใหม่ที่น่าสนใจและเปิดทางให้ทุกคนเข้ามาทำธุรกิจได้โดยใช้ทุรไม่มากนัก
8.การให้ความบันเทิง(Entertain)
ในอินเตอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงในทุกรูปแบบต่างๆ เช่น เกมส์ เพลง รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด24ชั่วโมงและจากแหล่งต่างๆทั่วทุกมุมโลก ทั้งประเทศไทย อเมริกา ยุโรปและออสเตรเลีย เป็นต้น

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การเลือกซื้อ Notebook

คุณสมบัติของ Notebook ที่ควรพิจารณา


1. จอภาพ
ควรมีขนาดใหญ่ เพราะยิ่งใหญ่จะยิ่งชัด และควรเป็นจอภาพแบบ TFT
ความละเอียดควรกำหนดได้อย่างน้อย 800 * 600
จำนวนสีที่สามารถกำหนดได้อย่างต่ำควรเป็น 16 บิต


2.แบตเตอรรี่
ควรใช้ ลิเธียมไอคอน เพราะว่ามีอายุการใช้งานนานที่สุดในบรรดาแบตเตอรรี่อื่นๆ


3.หน่วยความจำ
ควรติดตั้งแรมให้มากเท่าที่จะสามารถทำได้ อย่างน้อย 128 MB


4.ฮาร์ดดิกส์
อย่างน้อย 10 GB ขึ้นไป เพราะว่าปัจจุบันโปรแกรมส่วนใหญ่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มาก


5.ระบบมัลติมีเดีย
หมายถึง CD-Rom หรือ DVD Drive บวกกับ Sound card ส่วนใหญ่เป็นพื้นฐานไปแล้วสำหรับเครื่องคอมฯ รุ่นใหม่ ๆ แต่ก็ไม่ควรพลาดที่จะมีไว้ เนื่องจากซอร์ฟแวร์ใหม่ ๆ จะบันทึกผ่านทางแผ่น CD อย่างไรก็ตามหลายๆ คนก็ให้ความสนใจ COMBO Drive ซึ่งหมายถึง DVD + CD-RW หมายถึง เครื่องเล่นที่สามารถบันทึกแผ่น CD-R, CD-RW ได้ รวมทั้งสามารถเล่นแผ่น DVD ได้อีกด้วย


6.โมเด็ม
ห้ามพลาดทีเดียว ถ้าคุณต้องการเล่น internet และต้องการส่ง fax ผ่านเครื่องคอมฯ


7.ช่องทางการสื่อสาร
Port ต่างๆ ที่ใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น เครื่องพิมพ์ กล้อง สแกนเนอร์ เป็นต้น ปัจจุบัน Port รุ่นใหม่ที่เป็นที่นิยม และเป็นมาตราฐานของเครื่องคอมฯ ทั้ง NoteBook และ Desktop คือ USB โดยมี 2 รุ่นค่อ USB 1.1 และ USB 2.0 (ควรเลือกเครื่องที่รองรับ USB 2.0 จะดีกว่าเพราะจะโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่ามาก)


8.เน็ตเวิร์คการ์ด
สำหรับเชื่อมระบบเครือข่าย ถ้าคุณมีการใช้งานในระบบเครือข่าย (Network) บางยี่ห้อ บางรุ่นก็แถมมาให้ด้วยครับ Notebook บางรุ่นได้เริ่มมีการติดตั้ง Wireless Network หรือเน็ตเวิร์คแบบไร้สาย แล้ว

เทคนิคการเลือกซื้อ

1.การเลือกซื้อ Notebook ควรกำหนดคุณสมบัติต่างๆ ไว้ค่อนข้างสูง เนื่องจากการ upgrade จะค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องใช้ชิ้ส่วน เฉพาะรุ่น และราคาชิ้นส่วนก็ค่อนข้างสูงด้วย
2.ราคาของ Notebook เมื่อเทียบคุณสมบัติชิ้นส่วนต่อชิ้นส่วนแล้ว ราคา Notebook จะค่อนข้างสูงกว่า Desktop มาก บางรุ่นสูงถึง 100%
3.อุปกรณ์เสริมสำหรับ Desktop ส่วนใหญ่ ไม่สามารถใช้งานได้กับ Notebook